การมีน้ำใจที่เกิดขึ้น :: ได้ไปเจอเรื่องบราวที่มีคนโพสตามinternet เกี่ยวกับการมีน้ำใจที่เกิดแก่ตัวเองข้าพเจ้าเคยดูรายการ จุดเปลี่ยน ซึ่งตอนนั้นทางรายการเสนอ ว่าคนไทยเรา ความมีน้ำใจยังคงเหลืออยู่ไหม?? ซึ่งทางรายการได้ลองมีหน้าม้า ที่เป็นเด็ก คนชรา และคนท้องไปลอง ความมีน้ำใจในการลุกให้นั่งบนรถเมล์ ซึ่งบางคนก็ลุก บางคนก็นั่งเฉย ซึ่งสามารถแสดงให้เห็นได้ว่าความมีน้ำใจยังคงอยู่ และวันหนึ่งข้าพเจ้าได้นั่งบนรถเมล์ แล้วมีหญิงชราคนหนึ่งหอบหิ้วของมาเต็ม และมีผู้ชายคนหนึ่งลุกให้นั่ง พร้อมกับอาสาจะถือของให้บางส่วน ข้าพเจ้าเลยนึกถึงรายการ และรู้ได้เลยว่าความมีน้ำใจยังไม่หายไปจากใจของคนไทยจริงด้วย อยากให้ทุกคนมีความน้ำใจให้กันและกัน
ขอบคุณเธอมากมาย..ที่ทำให้โลกนี้น่าอยู่
ตั้งแต่ผมป่วย เวลานั่งรถเมล์ผมไม่ค่อยได้ลุกขึ้นให้ใครนั่งบ่อยนัก
ยกเว้นวันที่ผมรู้สึกแข็งแรงดีแต่ในบรรดาผู้ที่ผมลุกให้นั่งส่วนใหญ่เป็นเด็กและคนชราส่วนผู้หญิงที่ไม่ได้เป็นเด็กหรือคนชราผมลุกขึ้นให้น้อยมากเพราะผู้หญิงปกติแข็งแรงกว่าผมวันนั้นผมกลับจากงานสัปดาห์หนังสือ
ผมไปงานนี้โดยรถโดยสารประจำทางขากลับผมก็กลับด้วยวิธีเดียวกันรถแล่นผ่านหน้าห้างสรรพสินค้าผู้คนกรูกันขึ้นมาผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมายืนอยู่ตรงเบาะที่ผมนั่งผมชั่งใจอยู่พักหนึ่งคิดว่าจะลุกขึ้นยืนให้ผู้หญิงคนนั้นนั่งดีหรือไม่
วันนั้นผมรู้สึกแข็งแรงดีแต่ก็มีถึงหนังสือหนัก ๆ ติดตัวอยู่ถุงหนึ่งถ้าผมลุกขึ้นให้ผู้หญิงคนนั้นนั่ง
เธอจะปล่อยให้ผมถือถุงหนังสือหนัก ๆ นั้นหรือเธอจะช่วยผมถือ
แต่ถ้าวัดระยะทางอีกไม่ไกลนักก็จะถึงป้ายที่ผมลงถ้าต้องถือถุงหนังสือเอง...ก็คงถือไม่นาน
ผมจึงตัดสินใจลุกให้เธอนั่งเธอกล่าวขอบคุณผมและขอถุงหนังสือไปถือให้ผมกล่าวขอบคุณเธอ
ที่เธอทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น
เดี๋ยวนี้ รู้สึกตัวเองใจดำมากขึ้นนะคะเนี่ย ฮ่าๆๆ ไม่ค่อยได้ลุกเลย เคสที่จะลุกให้จริงๆ เฉพาะผู้หญิงมีครรภ์ คนแก่มากๆ และเด็กเล็กๆเท่านั้นเองค่ะ ผู้หญิงสาวน้อยสาวมากหน่อย วัยทำงาน ไม่คิดจะลุกให้ค่ะ แบบว่า ฉันก็เมื่อย แรงเราก็พอๆกัน เห็นแก่ตัวไปไหมคะ ถ้า เคสยืนๆอยู่แล้วได้ที่ว่าง ถ้าผู้หญิงรายล้อม วัยไล่ๆกัน มีเรียก็นั่งค่ะ นอกจากเห็นเค้าขึ้นมาก่อน เราก็ตามมารยาทค่ะ ให้เค้านั่งก่อน ตามคิว ฮ่าๆ
แต่ เคสที่มีเรียอึดอัดที่สุดคือ เราได้นั่ง แต่มีผู้หญิงวัยใกล้ักันหรืออ่อนกว่านิดหน่อยขึ้นมา ถือของที่หนักบ้างไม่หนักบ้าง ใจเราอยาจะช่วยเค้ายกใจจะขาด แต่แบบ กลัวเค้าจะแอบด่าในใจ ว่า ช่วยกรูถือ แล้วทำไม ไม่ให้กรูนั่ง ( เคยโดนเคสแบบนี้ค่ะ เลยขยาดไปเลย) จะมีคนด่ามีเรียไหมคะ ฮ่าๆ เมื่อก่อนบ้านใกล้ๆ ก็ยอมไม่นั่งได้ค่ะ เดี๋ยวนี้ ต้องอยู่บนรถเมล์ ไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง มากสุดก็ สอง ชั่วโมงต่อเที่ยว ให้ยืนคงไม่ไหวคะ
ขอเลวนะคะ ถ้าไม่หนักหนาจริงๆ
นี่ก็อีกเรื่องราวที่เจอข่าวเกี่ยวกับการทำความดีถวายพ่อหลวง เห็นว่ามีประโยชน์ เป็นข้อคิด ให้นำมาปฏิบัติ เพื่อสร้างสังคมดีตามแนวคิดว่า
"สังคมดี ไม่มีขาย อยากได้ต้องช่วยกันสร้าง ด้วยการปฏิบัติตนเป็นคนดี"
ข่าวจาก น.ส.พ.เดลินิวส์ วันเฉลิมพระชนม์พรรษา 80 พรรษา วันพุธ ที่ 5 ธันวาคม 2550
"ทำดีทุกลมหายใจถวายพ่อหลวง"วาระสำคัญอันเป็นมหามงคลยิ่ง วันเฉลิมพระชนม พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา เป็นโอกาสดีที่คนไทยทั้งประเทศ ใช้เวลาตลอดปี 2550 ร่วมกิจกรรมถวายความจงรักภักดีในรูปแบบต่าง ๆ โดยสิ่งที่เหล่าพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ทุกเพศวัย พร้อมใจปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง คือ
การมุ่งทำความดีถวายแด่พระองค์ท่าน ด้วยวิธีการต่าง ๆ ของแต่ละบุคคล อาทิ
ข้าราชการตั้งใจถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน
ประชาชนทั่วไปก็มีตั้งแต่การออกกำลังกายเพื่อให้มีสุขภาพดี
การตั้งใจเรียนของเด็ก ๆ
การชักชวนกันระวังป้องกันอุบัติเหตุ
จนถึงการอุทิศเวลา แรงกายเพื่อสาธารณประโยชน์
ซึ่งไม่ว่าจะกระทำแตกต่างอย่างไร แต่ที่สุดก็เป็นคุณความดีที่ตกแก่ส่วนรวม
การทำดีของทุกคนย่อมส่งผลในทางที่เป็นประโยชน์ แก่ตนและส่วนรวม ยิ่งมีจำนวนการทำความดีมากเท่าใด ผลสนองก็เป็นไปในทางดีเพิ่มพูนเป็นทวีคูณ อีกทั้งการที่คนหมู่มากสมัครสมานทำการแต่สิ่งดี ๆ กันอย่างกว้างขวาง ก็เป็นการสร้างสังคมที่มีวัฒนธรรมของการทำดีที่จะปกป้อง ขัดขวาง สิ่งไม่ดีมิให้รุกราน ล้ำแดนเข้ามาได้
ทำให้คนส่วนใหญ่คุ้นเคยต่อสิ่ง ดี ๆ จนไม่หลงทิศผิดทางไปสู่ทางอื่น ด้วยประการนี้รัฐและองค์กรหลักต่าง ๆ ของประเทศ จึงควรช่วยกันเสริมเติมภูมิคุ้มกันให้วัฒนธรรมความดีของสังคมมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตาม การทำความดีที่จะให้ได้ความดียิ่งขึ้น ไปควรดำเนินให้สอดคล้องกับกระแสพระราชดำรัส ที่ได้พระราชทาน คำชี้แนะ ซึ่งทันสมัยสอดรับกับความเป็นจริงในภาวะปัจจุบันอยู่เสมอ ดังพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2550 ว่า
สถานการณ์บ้านเมืองเราในทุกวันนี้เป็นที่ทราบแก่ใจของเราทุกคนที่สุดแล้วว่าไม่น่าไว้วางใจ พูดได้ว่าหากคนไทยขาดความสำนึกในชาติ ขาดความสามัคคีก็อาจจะประสบเคราะห์กรรมกันทั้งชาติ
จึงขอให้ทหารทุกคน และชาวไทยทุกคนทุกหมู่ ทุกเหล่า ได้พิจารณาตัดสินใจว่าประเทศชาติของเรานั้นสำคัญ ควรที่เราจะรักษาไว้ให้ยั่งยืนต่อไปหรือไม่
ถ้าเห็นว่าสำคัญ มั่นใจ ก็ขอให้สังวร ระวังกาย ใจ ให้ตั้งมั่นอยู่ในความสัตย์สุจริต พยายามลดอคติ และสร้างเสริมความเมตตาสามัคคีในกันและกัน ไม่ว่าจะทำการสิ่งใดให้ยึดเอาความมั่นคงปลอดภัยของชาติเป็นที่หมายสูงสุด
ความดีที่เรามุ่งจะทำเพื่อถวายแด่พระองค์ท่าน ซึ่ง กระทำมาอย่างต่อเนื่องอันจะก่อประโยชน์ทั้งแก่ตนและส่วนรวมได้ดีระดับหนึ่งแล้ว
จึงควรกระทำให้เกิดเป็นนิสัยหรือให้เป็นอยู่ในทุกลมหายใจ และแนวทางแห่งความดีนั้น ควรยึดเอาแนวทางที่ได้พระราชทานไว้เป็นหลัก ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก คือเพียงให้สังวร ระวังกายใจ ให้ตั้งมั่นอยู่ในความสุจริต พยายามลดอคติ และสร้างความสามัคคี ยึดความมั่นคงปลอดภัยของชาติเป็นที่สูงสุด.